วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การพัฒนาวัสดุผสมที่ใช้ส่วนประกอบของอินทรียสาร


นักวิทยาศาสตร์ทำการพัฒนาวัสดุผสมที่ใช้ส่วนประกอบของอินทรียสาร


นักวิจัยจากประเทศฟินแลนด์ ค้นพบวิธีการนำอินทรียสารที่เกิดจากการเน่าเปื่อยของซากพืชในธรรมชาติ มารวมเข้ากับพลาสติกเรซินเพื่อผลิตเป็นวัสดุผสมแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

                อินทรียสารดังกล่าวเป็นวัสดุสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตวัสดุผสม เนื่องจากหาได้งานตามธรรมชาติ ราคาไม่แพง ทนน้ำ ย่อยสลายได้  มีความทนทานต่อแรงกระแทกและความร้อนมาก นอกจากนี้ยังให้ความแข็งแรงกับโครงสร้างวัสดุเมื่อรวมเข้ากับพลาสติกเรซิน

                นักวิจัยผู้พัฒนาเชื่อว่าวัสดุผสมที่มีอินทรียสารนี้เป็นส่วนประกอบจะมีประสิทธิภาพในการทำงานด้านต่าง ๆ ดีขึ้น ทั้งความสะดวกและความง่ายในการใช้งาน เช่น การขึ้นรูป เป็นต้น และยังใช้เป็นวัสดุในงานก่อสร้าง การเกษตร  เครื่องอุปโภค และบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ไม้ไผ่ทางเลือกทดแทนคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับรถยนต์ในอนาคต


จะดีแค่ไหนถ้ารถยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพนั้นยังมีน้ำหนักเบา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในคราวเดียวกัน 

คาร์บอนไฟเบอร์ถือเป็นส่วนประกอบของรถยนต์ที่ค่ายผู้ผลิตนั้นมองหาวัสดุทดแทน เพื่อลดน้ำหนักของยานพาหนะ จึงมีความเป็นไปได้ว่าไม้ไผ่นั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะเข้ามาใช้กับยานพาหนะในอนาคต


ซึ่งในปัจจุบันไม้ไผ่นั้นได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมโต้คลื่น ด้วยคุณสมบัติที่ให้ความแข็งแรงและน้ำหนักเบา บวกกับการเคลือบอิพ๊อกซี่เข้าไปทำให้คุณสมบัติยิ่งโดดเด่นขึ้น และการที่ไม้ไผ่นั้นเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ตลอด จึงทำให้มันมีราคาถูกกว่าคาร์บอนไฟเบอร์เนื่องจากการมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์

ยิ่งไปกว่านั้น ไม้ไผ่ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น ถ้าพิจารนาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย อีกทั้งในขบวนการผลิตเกราะคาร์บอน อย่างเช่นสำหรับรถยนต์ BMW i3 นั้นต้องใช้พลังงานมากกว่าเหล็กธรรมดาทั่วไปมาก


ถึงแม่ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีการผลิตรถยนต์ที่มีการตกแต่งภายนอกด้วยไม้ไผ่ แต่ไม้ไผ่ได้นำมาใช้ในการตกแต่งภายในตัวรถแล้ว อย่างเช่นใน BMW i3  และจากการศึกษาของ Kenneth Cobonput นักออกแบบชื่อดังที่ออกแบบรถไม้ไผ่ที่ชื่อว่าโฟนิกซ์ กล่าวว่ามันมีทางเป็นไปได้ 

ที่มา :  http://inhabitat.com/could-renewable-bamboo-serve-as-an-alternative-to-carbon-fiber-in-cars/

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

“Cloud Computing” ประตูที่สู่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สีเขียว


ธุรกิจขนาดเล็กสามารถที่จะประหยัดต้นทุนทางด้านพลังงานได้ถึงร้อยละ 62 
โดยการเปลี่ยนมาใช้การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ 

“Cloud Computing” หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ คือรูปแบบใหม่ของเทคโนโลยีสารสนเทศที่เน้นการขยายตัวได้อย่างยืดหยุ่น สามารถที่จะปรับขนาดได้ตามความต้องการของผู้ใช้ และมีการจัดสรรทรัพยากรโดยเน้นการทำงานระยะไกลอย่างง่าย ยกตัวอย่างเช่น ยูทูบ ที่ผู้ใช้สามารถเก็บวิดีโอออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องมีความรู้ในการสร้างระบบวิดีโอออนไลน์แต่อย่างใด

การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆนั้นได้กลายเป็นรูปแบบธุรกิจรับจ้างที่ได้การยอมรับโดยทั่วไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้เข้ามาแทนที่การประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ระยะไกลมากกว่าธุรกิจที่ต้องอาศัยเซฟเวอร์ 

และในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในออสเตรีย ได้ประมวลผลศักยภาพความเป็นไปได้ของไอทีสีเขียวและการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ซึ่งได้พบว่าทั้งค่าใช้จ่ายโดยรวมของต้นทุนและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น ลดลงมากกว่าครึ่งจากการเปลี่ยนมาใช้การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆแบบบูรณาการ ในขณะที่ยังคงได้รับประโยชน์จากกระบวนการทางธุรกิจและบริการในระดับข้ามหน่วยงาน (Cross-Organizational Level) ที่ใช้ได้เฉพาะบริษัทที่มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของตัวเอง

โดยที่ทีมวิจัยได้แสดงให้เห็นถึงหลักการของระบบใบแจ้งหนี้ สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ได้ประโยชน์จากการใช้รูปแบบการบริการแบบกลุ่มเมฆที่เรียกว่า ซอฟต์แวร์เป็นบริการ (Software as a Service -SaaS) และการใช้รูปแบบบริการดังกล่าวนี้ ยังเป็นการเปิดประตูสู่การจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป และอาจรวมไปถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะอีกด้วย



ที่มา http://www.sciencedaily.com