วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

สวยราวกับสวรรค์ ตึกน้ำตกระฟ้า นวัตกรรมเพื่อการผลิตพลังงานในมหกรรมโอลิมปิก 2016



สถาบันสถาปัตยกรรม RAFAA ได้ออกแบบหอคอยพลังงานแสงอาทิตย์และน้ำตกขนาดยักษ์เพื่อการผลิตพลังงานสำหรับงานมหกรรมการแข็งขันกีฬาระดับโลก

                งานมหากรรมแข่งขันกีฬาระดับโลก หรือโอลิมปิก 2016 ที่จะเกิดขึ้นใน ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิลนั้น จะไม่เพียงสร้างปรากฏการณ์ด้านกีฬาที่ทั่วโลกจับตามอง แต่อาจสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนทั่วโลกด้วยอาคารผลิตพลังงานระฟ้า ที่สามารถผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ในช่วงเวลากลางวัน และพลังงานจากน้ำในเวลาค่ำคืน

                โดยหอคอยพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนนี้ เป็นผลงานของสถาปัตยกรรม RAFAA ที่ถูกแบบมาเพื่อผลิตพลังงานสำหรับหมู่บ้านโอลิมปิกรวมถึงให้พลังงานแก่ชาวริโอ ซึ่งสามารถผลิตพลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในช่วงที่มีแสงแดดจ้า และมีการสูบน้ำขึ้นไปพักไว้เพื่อปล่อยลงมาหมุนกังหันผลิตไฟฟ้าในช่วงตะวันลาลับ

                และนอกจากการผลิตพลังงานนั้น หอคอยผลิตพลังงานแห่งนี้ในบางโอกาสจะกลายเป็นแผงน้ำตก ซึ่งตัวแทนสัญลักษณ์ของพลังงานธรรมชาติ บนโครงสร้าง 60 เมตรเหนือน้ำทะเล ที่ประกอบไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารบนพื้นที่ 105เมตรหลังอาคารน้ำตก พร้อมด้วยลิฟต์บริการผู้เยี่ยมชมถึงชั้นบน เพื่อให้สามารถชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ


ที่มา  :  http://inhabitat.com

“Dancing Screen” แหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ดิ้นได้ เพื่อการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบพกพา



สถาบันการออกแบบสถาปัตยกรรม ได้สร้างสรรค์ความสวยงามจากพลังงานตามธรรมชาติ

                Dancing Screen คือสถาปัตยกรรมเคลื่อนไหวที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ เป็นผลงานการออกแบบจากสถาบันออกแบบสถาปัตยกรรม Eleonora Nicoletti

                โดยการออกแบบจะติดตั้งฟิล์มโซลาร์เซลล์แบบบาง ตรงสวนปลายของแผ่นที่สามารถเคลื่อนไหวสลับไปมาตามกำลังลมได้ ซึ่งผู้ที่ผ่านไปผ่านมาสามารถชาร์จอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กตรงเต้าเสียบส่วนฐานของอุปกรณ์



   
ที่มา :  http://inhabitat.com

“SunFocus” เตาอบอาหารพลังงานลูกผสมจากแสงอาทิตย์และระบบไฟฟ้าที่กินไปน้อยกว่า 75%


เตาอบพลังงานแสงอาทิตย์นั้นมีอยู่ทั่วไป แต่มักมีข้อกำจัดที่สามารถทำงานภายใต้แสงอาทิตย์เท่านั้น หากแต่นวัตกรรมของ “Sun BD Group” สามารถก้าวผ่านข้อจำกัดนั้นได้

“SunFocus” เป็นเตาอบอาหารไม่ว่าจะเป็น เค้ก ขนมปัง หรือเนื้อ แบบพลังงานลูกผสมที่สามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในช่วงเวลากลางวัน และสามารถต่อเข้ากับระบบไฟฟ้ายามค่ำคืนที่ใช้พลังงานน้อยกว่าร้อยละ 75 เมื่อเปรียบเทียมกับเตาอบทั่วไป 
ลักษณะโดดเด่นอีกอย่างคือสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายด้วยน้ำหนักเพียง 30ปอนด์ โดยแผ่นสะท้อนทั้งสามนั้นถูกทำมาจากอลูมิเนียมคุณภาพสูง ซึ่งเก็บพลังงานได้นานกว่าและสามารถให้อุณหภูมิได้สูง 300 องศาฟาเรนไฮต์ โดยระบบนั้นจะตัดการใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อไม่จำเป็น และง่ายต่อการเปลี่ยนโหมดด้วยอินเวอร์เตอร์


โดย “Sun BD Group” นั้นใช้เวลาสองปีในการทดสอบเตาอบลูกผสม ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จด้วยดีในการทดสอบภาคสนาม และถึงแม้จะมีราคาสูงถึง 489 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็นับเป็นอุปกรณ์ที่สามารถให้ประโยชน์ทางด้านพลังงานสำหรับภูมิภาคที่อุดมไปด้วยพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ 


ที่มา :  www.greenprophet.com


วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การพัฒนาวัสดุผสมที่ใช้ส่วนประกอบของอินทรียสาร


นักวิทยาศาสตร์ทำการพัฒนาวัสดุผสมที่ใช้ส่วนประกอบของอินทรียสาร


นักวิจัยจากประเทศฟินแลนด์ ค้นพบวิธีการนำอินทรียสารที่เกิดจากการเน่าเปื่อยของซากพืชในธรรมชาติ มารวมเข้ากับพลาสติกเรซินเพื่อผลิตเป็นวัสดุผสมแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

                อินทรียสารดังกล่าวเป็นวัสดุสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตวัสดุผสม เนื่องจากหาได้งานตามธรรมชาติ ราคาไม่แพง ทนน้ำ ย่อยสลายได้  มีความทนทานต่อแรงกระแทกและความร้อนมาก นอกจากนี้ยังให้ความแข็งแรงกับโครงสร้างวัสดุเมื่อรวมเข้ากับพลาสติกเรซิน

                นักวิจัยผู้พัฒนาเชื่อว่าวัสดุผสมที่มีอินทรียสารนี้เป็นส่วนประกอบจะมีประสิทธิภาพในการทำงานด้านต่าง ๆ ดีขึ้น ทั้งความสะดวกและความง่ายในการใช้งาน เช่น การขึ้นรูป เป็นต้น และยังใช้เป็นวัสดุในงานก่อสร้าง การเกษตร  เครื่องอุปโภค และบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ไม้ไผ่ทางเลือกทดแทนคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับรถยนต์ในอนาคต


จะดีแค่ไหนถ้ารถยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพนั้นยังมีน้ำหนักเบา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในคราวเดียวกัน 

คาร์บอนไฟเบอร์ถือเป็นส่วนประกอบของรถยนต์ที่ค่ายผู้ผลิตนั้นมองหาวัสดุทดแทน เพื่อลดน้ำหนักของยานพาหนะ จึงมีความเป็นไปได้ว่าไม้ไผ่นั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะเข้ามาใช้กับยานพาหนะในอนาคต


ซึ่งในปัจจุบันไม้ไผ่นั้นได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมโต้คลื่น ด้วยคุณสมบัติที่ให้ความแข็งแรงและน้ำหนักเบา บวกกับการเคลือบอิพ๊อกซี่เข้าไปทำให้คุณสมบัติยิ่งโดดเด่นขึ้น และการที่ไม้ไผ่นั้นเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ตลอด จึงทำให้มันมีราคาถูกกว่าคาร์บอนไฟเบอร์เนื่องจากการมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์

ยิ่งไปกว่านั้น ไม้ไผ่ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น ถ้าพิจารนาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย อีกทั้งในขบวนการผลิตเกราะคาร์บอน อย่างเช่นสำหรับรถยนต์ BMW i3 นั้นต้องใช้พลังงานมากกว่าเหล็กธรรมดาทั่วไปมาก


ถึงแม่ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีการผลิตรถยนต์ที่มีการตกแต่งภายนอกด้วยไม้ไผ่ แต่ไม้ไผ่ได้นำมาใช้ในการตกแต่งภายในตัวรถแล้ว อย่างเช่นใน BMW i3  และจากการศึกษาของ Kenneth Cobonput นักออกแบบชื่อดังที่ออกแบบรถไม้ไผ่ที่ชื่อว่าโฟนิกซ์ กล่าวว่ามันมีทางเป็นไปได้ 

ที่มา :  http://inhabitat.com/could-renewable-bamboo-serve-as-an-alternative-to-carbon-fiber-in-cars/

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

“Cloud Computing” ประตูที่สู่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สีเขียว


ธุรกิจขนาดเล็กสามารถที่จะประหยัดต้นทุนทางด้านพลังงานได้ถึงร้อยละ 62 
โดยการเปลี่ยนมาใช้การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ 

“Cloud Computing” หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ คือรูปแบบใหม่ของเทคโนโลยีสารสนเทศที่เน้นการขยายตัวได้อย่างยืดหยุ่น สามารถที่จะปรับขนาดได้ตามความต้องการของผู้ใช้ และมีการจัดสรรทรัพยากรโดยเน้นการทำงานระยะไกลอย่างง่าย ยกตัวอย่างเช่น ยูทูบ ที่ผู้ใช้สามารถเก็บวิดีโอออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องมีความรู้ในการสร้างระบบวิดีโอออนไลน์แต่อย่างใด

การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆนั้นได้กลายเป็นรูปแบบธุรกิจรับจ้างที่ได้การยอมรับโดยทั่วไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้เข้ามาแทนที่การประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ระยะไกลมากกว่าธุรกิจที่ต้องอาศัยเซฟเวอร์ 

และในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในออสเตรีย ได้ประมวลผลศักยภาพความเป็นไปได้ของไอทีสีเขียวและการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ซึ่งได้พบว่าทั้งค่าใช้จ่ายโดยรวมของต้นทุนและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น ลดลงมากกว่าครึ่งจากการเปลี่ยนมาใช้การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆแบบบูรณาการ ในขณะที่ยังคงได้รับประโยชน์จากกระบวนการทางธุรกิจและบริการในระดับข้ามหน่วยงาน (Cross-Organizational Level) ที่ใช้ได้เฉพาะบริษัทที่มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของตัวเอง

โดยที่ทีมวิจัยได้แสดงให้เห็นถึงหลักการของระบบใบแจ้งหนี้ สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ได้ประโยชน์จากการใช้รูปแบบการบริการแบบกลุ่มเมฆที่เรียกว่า ซอฟต์แวร์เป็นบริการ (Software as a Service -SaaS) และการใช้รูปแบบบริการดังกล่าวนี้ ยังเป็นการเปิดประตูสู่การจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป และอาจรวมไปถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะอีกด้วย



ที่มา http://www.sciencedaily.com

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Wi-Charge นวัตกรรมชาร์จพลังงานโทรศัพท์แบบไร้สาย




นวัตกรรมที่จะทำให้ผู้ใช้โทศัพท์ไม่ต้องประสบปัญหาสายไฟพันกันอีกต่อไป กับอุปกรณ์ชาร์จพลังงานไร้สายที่เรียกว่า Wi-Charge

เทคโนโลยี Wi-Charge นี้สามารถตามติดโทรศัพท์ไปรอบๆ ห้อง เช่นเดียวกับ WiFi โดยการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณบนเพดานห้องที่ต่อเข้ากับระบบไฟฟ้า และเครื่องส่งสัญญาณจะส่งพลังงานผ่านลำแสงอินฟราเรดไปตกกระทบกับตัวรับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่อุปกรณ์มือถือ แล้วเปลี่ยนแสงเป็นพลังงานให้กับอุปกรณ์  โดยลำแสงจะสามารถตามติดอุปกรณ์แม้ว่าผู้ใช้จะเดินไปรอบๆ ห้อง แต่ก็จะหยุดทำงานอัตโนมัติถ้ามีสิ่งใดมากั้นกลางระหว่างตัวรับกับตัวส่งสัญญาณ Wi-Charge

โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้นั้น ได้รับการพัฒนาโดยผู้ประกอบการอิสราเอลที่มีชื่อว่า Victor Vaisleib และนักวิทยาศาสตร์ Ortal Alpert ซึ่งได้ยืนยันถึงความปลอดภัยของลำแสงที่ส่งมาว่าไม่เป็นอันตรายสำหรับผู้ใช้  และเงินทุนที่ได้จากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ปลอดภัยก็มาจาก Terra Venture Partners (TVC) บริษัทที่ดำเนินงานในเทคโนโลยีสะอาดนั่นเอง  



                                        ที่มา : www.greenprophet.com